"ประวัติหลวงปู่ทิม เทพเจ้าแห่งบูรพาทิศ..ที่ถูกต้องที่สุด..
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก...เกจิผู้สร้างผงพรายกุมารอันลือลั่น
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ชื่อนี้ชาวจ.ระยองเกือบทุกคน บอกว่า ได้ยินมาตั้งแต่จำความได้แล้ว หลวงปู่ทิม อิสริโก นามเดิมชื่อ "ทิม งามศรี" เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ เกิดที่ต.ตาสิทธิ์ อยู่ห่างจากวัดละหารไร่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 200 เมตร ปัจจุบันเป็นหมู่ 8 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง หลวงปู่ทิมเกิดวันจันทร์ตรงกับวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 เป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว มีพี่ชายเพียงคนเดียวชื่อนายชื่น งามศรี (บิดาของลุงแก้ว งามศรี) ถ้าใครบอกว่าหลวงปู่ทิม มีพี่น้อง 3 คน ถือว่าผิดพลาดครับ...
เมื่ออายุ 17 ปี นายแจ้ผู้เป็นบิดา ได้นำตัวไปฝากไว้กับหลวงพ่อสิงห์ วัดละหารใหญ่ เล่าเรียนหนังสือทั้งไทยและอักษรขอม ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นขอลาหลวงพ่อสิงห์กลับไปช่วยโยมบิดา มารดา ทำงานบ้าน จนถึงอายุ 18 ปี ท่านจึงถูกคัดเลือกเข้าเป็นลูกหมู่ หรือทหารประจำการในสมัยนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯถึง 4 ปีจึงได้รับการปล่อยแถว กลับมาอยู่บ้านตามเดิม ซึ่งเมื่อกลับมาอยู่บ้าน หลวงปู่ทิมได้เป็นนายพรานล่าสัตว์ป่า มีอาวุธประจำกายคือปืนยาว จึงเป็นที่มาว่าพอหลังจากบวชพระ หลวงปู่ทิม จึงไม่ยอมฉันเนื้อสัตว์หรือแม้กระทั่งน้ำปลาอีกเลย
ต่อมาโยมบิดาจึงได้ให้ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา หลวงปู่ทิม ได้อุปสมบทที่วัดละหารไร่ (ถ้ามีงานเขียนของผู้ใดก็ตามระบุว่า บวชที่วัดทับมานั้น ถือว่าผิดอย่างสิ้นเชิง)โดยพระคุณเจ้าท่านพระครูขาว หรือหลวงพ่อขาว วัดทับมา เจ้าคณะแขวงเมืองระยอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสิงห์ วัดละหารใหญ่เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และเจ้าอธิการเกตุเป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยทำพิธีอุปสมบทเมื่อพ.ศ. 2446 ได้รับฉายานามสงฆ์ว่า "อิสริโก"ซึ่งแปลว่า "ผู้มีอิสระทางความคิด" หลังจากบวชแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนทางปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อสิงห์ อาจารย์ของท่าน และศึกษาวิชาต่างๆ จากตำราของวัดละหารใหญ่ (เข้าใจว่าเป็นตำหรับเดิมของหลวงปู่สังข์เฒ่า) จนมีความรู้แตกฉานได้ออกจาริกปฏิบัติธุดงค์กับหลวงพ่อยอด พระนักปฏิบัติที่เป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่งไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเจริญสมณะธรรม ออกหาความวิเวกสันโดษ ตามอัธยาศัย ครั้นเมื่อใกล้เข้าพรรษากลับมาถึงจังหวัดชลบุรีได้จำพรรษาที่วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม ชลบุรี ถึง 3 พรรษา ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาเพิ่มเติม กับพระเกจิอาจารย์หลายรูป ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่เก่งกล้าอีกหลายคน โดยเฉพาะฆราวาสสาย แห่งอำเภอบ้านสร้าง ปราจีนบุรีที่หลวงปู่ทิม ดั้นด้นรอนแรมตามเข้าไปหาถึงสองครั้ง จนกระทั่งมาเจอฆราวาสสาย กลางป่าลึกพร้อมกับภรรยาประมาณ 7 คน ลูกหลานร่วม40 คนครั้งนั้นมีบันทึกด้วยลายมือหลวงปู่ด้วยว่า ฆราวาสสายนั้น ขณะที่หลวงปู่ทิม ไปขอเรียนวิชาอาคมด้วยนั้นฆราวาสสาย มีวัยกว่า 70 ปีแต่ยังคงแข็งแรง กระฉับกระเฉง (ฆราวาสสายผู้นี้ เป็นคนละคนกับโยมสาย แก้วสว่าง)นอกจากนี้หลวงปู่ทิม ยังเดินทางออกนอกเมืองระยอง เช่นไปขอเรียนวิชาปลัดขิกกับหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ที่อำเภอบางคล้า ฉะเชิงเทรา และหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ที่อำเภอสัตหีบ ชลบุรีซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครสอนให้กับหลวงปู่ทิม เนื่องจากต่างรู้ว่าหลวงปู่ทิม จะทำได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องขึ้นกับจิตใจที่นิ่ง มีสมาธิด้วยตัวท่านเอง จากนั้นได้กลับมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และได้รับนิมนต์จากชาวบ้านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ตั้งแต่พ.ศ. 2450
เมื่อเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่ทิม ท่านมีชื่อเสียงเริ่มต้นเป็นที่รู้จักในฐานะพระหมอยา หม้อดินกลิ่นสมุนไพรเท่านั้น เพราะผู้คนจะไปขอของดีคือตะกรุดจากหลวงพ่อเพ่ง วัดอาวาสวัดละหารใหญ่มากกว่าเพราะทราบมาว่าหลวงพ่อเพ่ง ได้ไปเป็นทหารรุ่นเดียวกับหลวงปู่ทิม โดยขณะที่หลวงปู่ทิม ได้ปลดระวางกลับมาอยู่บ้าน แต่หลวงพ่อเพ่ง ยังได้ตามเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไปเรียนวิชาตามที่ต่างๆ รวมทั้งหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาทจนหลวงพ่อเพ่ง มีวิชาอาคมแก่กล้าตั้งแต่ยังไม่บวช แต่หลวงพ่อเพ่ง ก็รับทราบถึงพลังจิตอันแก่กล้าของหลวงปู่ทิมอยู่เป็นนิจ
หลวงปู่ทิม มีตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็น"พระครูภาวนาภิรัติ"ชาวบ้านโดยทั่วไปนิยมเรียกว่า "หลวงปู่ทิม" โดยท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่ หลังจากไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา คณะศิษย์จึงได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดละหารไร่ และเก็บศพไว้บนศาลาภาวนาภิรัติ โดยขอพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2526 ณ เมรุวัดละหารไร่
หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี เป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูปรส กลิ่น เสียง ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันภัตราหารมื้อเดียวเวลาประมาณ 7.00น. และฉันน้ำชาประมาณ 4 โมงเย็น และอาหารที่ท่านฉันส่วนใหญ่จะเป็นผัก ถั่ว หรือพริกกับเกลือป่น ปฏิบัติอย่างนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณของท่านก็ปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านยังดีและสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ร่างกายอ้วนท้วนพอสมควร ทั้งนี้คงเป็นเพราะบุญบารมีของท่านที่สะสมมา จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัด และบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัย ดำรงชีวิตอยู่ได้ถึง 96 ปี อายุพรรษา 72 พรรษา และได้มรณภาพด้วยโรคชรา และวันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี วัดละหารไร่และคณะศิษย์จะร่วมกันจัดงานวันระลึกถึงหลวงปู่ทิม ซึ่งก็มีลูกศิษย์มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก และที่หลวงปู่ทิม เป็นพระที่ทำอะไรก็แล้วแต่จะประสบความสำเร็จทั้งหมด ทั้งการปลุกเสกเหรียญ การสร้างพระผงพรายกุมาร ตะกรุด ปลัดขิก ไม้แกะ งาแกะ และอื่นๆอีกมากมายก็เพราะตลอดชีวิตของท่านไม่เคยล่วงเกินสตรีเพศเลยแม้แต่ครั้งเดียว...